อิฐมวลเบามีหลายประเภท
แต่ละประเภทใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติของอิฐมวลเบาแตกต่างกันและราคาก็แตกต่างกันไปด้วย
ประเภทของอิฐมวลเบา
อิฐมวลเบาแบ่งตามกระบวนการผลิตได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.ระบบที่ไม่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง (Non – Autoclaved
System)
ซึ่งจะแบ่งย่อยออกได้อีกเป็น
2 ประเภท คือ
ประเภทที่
1 ใช้วัสดุเบากว่ามาทดแทน เช่น ขี้เลื่อย ขี้เถ้า ชานอ้อย หรือเม็ดโฟม
ทำให้คอนกรีตมีน้ำหนักที่เบาขึ้น แต่จะมีอายุการใช้งานที่สั้น เสื่อมสภาพได้เร็ว
และหากเกิดไฟไหม้ สารเหล่านี้อาจเป็นพิษต่อผู้อยู่อาศัย
ประเภทที
2 ใช้สารเคมี (Circular Lightweight Concrete) เพื่อให้เนื้อคอนกรีตฟู และทิ้งให้แข็งตัว
คอนกรีตประเภทนี้จะมีการหดตัวมากกว่า ทำให้ปูนฉาบแตกร้าวได้ง่าย ไม่ค่อยแข็งแรง
คอนกรีตที่ไม่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงนี้ส่วนใหญ่เนื้อผลิตภัณฑ์มักจะมีสีเป็นสีปูนซีเมนต์
ต่างจากคอนกรีตที่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงซึ่งจะมีเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นผลึกสีขาว
2. ระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง (Autoclaved System)
ซึ่งแบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตได้เป็น 2 ประเภท คือ
ประเภทที่
1 Lime
Base ใช้ปูนขาว ซึ่งควบคุมคุณภาพได้ยาก มาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตทำให้คุณภาพคอนกรีตที่ได้ไม่ค่อยสม่ำเสมอ
มีการดูดซึมน้ำมากกว่า
ประเภทที่
2
Cement Base ใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต
เป็นระบบที่นอกจากจะช่วยให้คอนกรีต มีคุณภาพได้มาตรฐานสม่ำเสมอแล้ว
ยังช่วยให้เกิดการตกผลึก (Calcium
Silicate) ในเนื้อคอนกรีตทำให้คอนกรีตมีความแข็งแกร่ง ทนทาน
กว่าการผลิตในระบบอื่นมาก
กว่าจะมาเป็นอิฐมวลเบา
อิฐมวลเบา
Q-CON เป็นคอนกรีตมวลเบาคุณภาพมาตรฐานสากล
เพราะผลิตภัณฑ์ของ Q-CON ทุกประเภทจะเลือกใช้ระบบอบไอน้ำภายใต้ ความดันสูงสูตร Cement Base ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางแล้วจากทั่วโลกว่าเป็นสินค้าคุณภาพดี
เพราะคุณภาพของปูนขาว มักไม่สม่ำเสมอ ทำให้คุณภาพของอิฐมวลเบาแบบ Cement Base มีคุณภาพที่ดีกว่าแบบ Lime Base
ทั้งนี้
Q-CON ยังพิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิต เริ่มจากการเลือกใช้แต่วัตถุดิบธรรมชาติที่ได้คุณภาพ
ได้แก่ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ทราย ยิปซั่ม ปูนขาว น้ำ และอลูมินั่ม
โดยจะนำวัตถุดิบทุกชนิดมาทดสอบคุณภาพก่อนเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ
จากนั้นจึงนำมาผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ
ด้วยสูตรเฉพาะของคิวคอนที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในเนื้อคอนกรีต
แล้วจึงนำไปบ่มให้ได้ที่เพื่อเข้าสู่กระบวนการตัดด้วยเครื่องจักรอันทันสมัยเพื่อให้คอนกรีตมีขนาดที่แน่นอน
แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการอบไอน้ำที่เรียกว่า “Autoclave” ภายใต้อุณหภูมิความดันสูง และภายในเวลาที่เหมาะสมด้วยเครื่องจักรอบไอน้ำที่ได้มาตรฐานสูง
ทำให้เกิดการตกผลึก (Calcium
Silicate) จนได้ที่เป็นคอนกรีตมวลเบา Q-CON ที่มีคุณสมบัติพิเศษ น้ำหนักเบามาก แต่แข็งแกร่ง ได้มาตรฐานสากล ส่วนในเรื่องของราคาอิฐมวลเบา
อิฐมวลเบาแต่ละประเภท แต่ละพื้นที่ก็มีราคาแตกต่างกันไป ซึ่งในปัจจุบันอิฐมวลเบาแบบอบไอน้ำ
(AAC) มีราคาลดต่ำลงมามาก
เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้สินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น